การจดทะเบียนก่อตั้งบริษัท : วันที่ 22 สิงหาคม 2543 จดทะเบียนก่อตั้งบริษัทในชื่อบริษัท ริชชี่แคปปิตอล อัลลายแอนซ์ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 0.10 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 10,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10.00 บาท ซึ่งในช่วงแรกบริษัทฯ ยังไม่ได้ประกอบกิจการใดๆ
การเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ เป็น 10.00 ล้านบาท : บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 9.90 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 0.10 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 10.00 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 990,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10.00 บาท เสนอขายให้แก่คุณสุชาติ บุญบรรเจิดศรี ในราคาหุ้นละ 10.00 บาท ทำให้คุณสุชาติ บุญบรรเจิดศรี เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.00 ของทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว เพื่อประกอบธุรกิจให้บริการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินในด้านการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ |
เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ไนท คลับ แคปปิตอล จำกัด : วันที่ 11 กันยายน 2547 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทครั้งที่ 1/2547 มีมติอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงชื่อบริษัทฯจากเดิม บริษัท ริชชี่ แคปปิตอล อัลลายแอนซ์ จำกัด เป็น บริษัท ไนท คลับ แคปปิตอล จำกัด
การเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ เป็น 25.00 ล้านบาท : บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 15 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 10.00 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 25.00 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 1,500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10.00 บาท เสนอขายให้แก่นายสุชาติ บุญบรรเจิดศรี และนายทวี กุลเลิศประเสริฐ ราคาหุ้นละ 10.00 บาท วัตถุประสงค์เพื่อให้บริษัทฯมีคุณสมบัติครบถ้วนในการขออนุญาตเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ ทำให้คุณสุชาติ บุญบรรเจิดศรี ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 76.00 และคุณทวี กุลเลิศประเสริฐ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 24.00 ของทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้จดทะเบียนเพิ่มทุนต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์แล้ว เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2556
เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล จำกัด และได้รับอนุมัติเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ : บริษัทฯ เปลี่ยนแปลงชื่อจากเดิม บริษัท ไนท คลับ แคปปิตอล จำกัด เป็นบริษัท บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล จำกัด โดยบริษัทฯ ได้ยื่นคำขอเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจบริหารสินทรัพย์จากธนาคารแห่งประเทศไทยและบริษัทฯได้รับอนุมัติให้จดทะเบียนเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์จากธนาคารแห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2556 ตามพระราชกำหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ. 2541 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ประเภทลูกหนี้สินเชื่อธุรกิจ (Corporate Loan) ครั้งแรก : ในเดือนพฤศจิกายน 2556 บริษัทฯ ซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากบริษัท บริหารสินทรัพย์ สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด ซึ่งเป็นลูกหนี้สินเชื่อธุรกิจ มูลค่ารวมทั้งสิ้น 58.68 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ เป็นครั้งแรกในนามบริษัท บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล จำกัด
ซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ประเภทลูกหนี้สินเชื่อธุรกิจ : ในเดือนพฤษภาคม 2557 บริษัทฯ ซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ จากบริษัท บริหารสินทรัพย์ สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด ซึ่งเป็นลูกหนี้สินเชื่อธุรกิจ มูลค่ารวมทั้งสิ้น 110.60 ล้านบาท
การเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ เป็น 100.00 ล้านบาท : วันที่ 28 กรกฎาคม 2558 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2558 มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 75.00 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 25.00 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 100.00 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 7,500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10.00 บาท เสนอขายให้แก่คุณสุชาติ บุญบรรเจิดศรี และคุณทวี กุลเลิศประเสริฐ ในราคาหุ้นละ 10.00 บาท วัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในการจัดหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ทำให้คุณสุชาติ บุญบรรเจิดศรี ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 70.00 และคุณทวี กุลเลิศประเสริฐ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 30.00 ของทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว ทั้งนี้ บริษัทฯได้จดทะเบียนเพิ่มทุนต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์แล้ว เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2558
ซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ประเภทลูกหนี้สินเชื่อธุรกิจ : ในเดือนพฤศจิกายน 2558 บริษัทฯ ซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ จากบริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด ซึ่งเป็นลูกหนี้ประเภทสินเชื่อธุรกิจมูลค่ารวมทั้งสิ้น 44.00 ล้านบาท
การเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ เป็น 130 ล้านบาท : วันที่ 16 พฤษภาคม 2559 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2559 มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนอีกจำนวน 30.00 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 100.00 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 130 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 3,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10.00 บาท เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนในราคาหุ้นละ 30.00 บาท คิดเป็นเงินรวม 90.00 ล้านบาท แบ่งเป็นทุนจดทะเบียนเพิ่ม 30.00 ล้านบาท และส่วนเกินมูลค่าหุ้นสามัญหุ้นละ 20.00 บาท หรือคิดเป็นส่วนเกินมูลค่าหุ้นรวม 60.00 ล้านบาท วัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในการจัดหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ แต่เนื่องจากการเพิ่มทุนในครั้งนี้ผู้ถือหุ้นเดิมทุกท่านสละสิทธิการจองซื้อหุ้นสามัญใหม่ โดยมีคุณศึกษิต เพชรอำไพ เพียงท่านเดียวที่มีการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญใหม่ และใช้สิทธิเกินสิทธิเท่ากับจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นเดิมทุกท่านสละสิทธิ จึงทำให้คุณศึกษิต เพชรอำไพถือหุ้นของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนร้อยละ 23.08 ของทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้จดทะเบียนเพิ่มทุนต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์แล้ว เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2559
เปลี่ยนแปลงการถือหุ้น : ในเดือนตุลาคม 2559 คุณสุชาติ บุญบรรเจิดศรี และคุณทวี กุลเลิศประเสริฐ เปลี่ยนแปลงการถือหุ้นของบริษัทฯ จากในนามบุคคลเป็นถือในนาม บริษัท ไนท์ คลับ แคปปิตอลโฮลดิ้ง จำกัด (“KCCH”) สัดส่วนการถือหุ้นรวมกันร้อยละ 76.92 ของทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว โดยคุณสุชาติ บุญบรรเจิดศรี และคุณทวี กุลเลิศประเสริฐเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน KCCH ในสัดส่วนร้อยละ 70 และร้อยละ 30 ของทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว ตามลำดับ
ต่อมาในเดือนธันวาคม 2559 คุณศึกษิต เพชรอำไพได้จำหน่ายหุ้นของบริษัทฯ ทั้งหมดร้อยละ 23.08 ของทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วให้แก่คุณสุชาติ บุญบรรเจิดศรี ในสัดส่วนร้อยละ 16.15 และคุณทวี กุลเลิศประเสริฐ สัดส่วนร้อยละ 6.92 ของทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว ในราคาหุ้นละ 30.00 บาท ซึ่งเป็นราคาเดียวกับที่คุณศึกษิต เพชรอำไพ ได้ซื้อหุ้นของบริษัทฯ ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2559
ซื้อสินเชื่อด้อยคุณภาพประเภทลูกหนี้สินเชื่อรายย่อย (Retail Loan) ครั้งแรก : ในระหว่างเดือนมีนาคม – พฤศจิกายน 2559 บริษัทฯ ซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ จากธนาคารธนชาต จำกัด ซึ่งเป็นลูกหนี้สินเชื่อรายย่อย (Retail Loan) ประกอบด้วย ลูกหนี้บัตรเครดิตและบัตรสินเชื่อบุคคล (Credit Card & Flash Cash) ลูกหนี้สินเชื่อสารพัดนึกและสินเชื่อบุคคล และลูกหนี้สินเชื่อเช่าซื้อภายหลังบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อกรณีที่ได้รับรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนและจำหน่ายรถที่เช่าซื้อออกไปแล้ว (“ลูกหนี้เช่าซื้อรถยนต์”) รวม 5 ครั้ง มูลค่าสุทธิรวมทั้งสิ้น 85.40 ล้านบาท
ซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ประเภทลูกหนี้สินเชื่อธุรกิจ : ในเดือนธันวาคม 2559 บริษัทฯ ซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ จากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จํากัด (มหาชน) ซึ่งเป็นลูกหนี้ประเภทสินเชื่อธุรกิจ มูลค่ารวมทั้งสิ้น 20.00 ล้านบาท
การเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ เป็น 180.00 ล้านบาท : วันที่ 15 ธันวาคม 2560 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทครั้งที่ 2/2560 มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนอีกจำนวน 50.00 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 130.00 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 180.00 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 5,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10.00 บาท เสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน ในราคาหุ้นละ 10.00 บาท วัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเงินทุนสำหรับซื้อทรัพย์สินด้อยคุณภาพ ทั้งนี้ บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์แล้ว เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2560
เปลี่ยนแปลงการถือหุ้น : วันที่ 26 ธันวาคม 2560 คุณสุชาติ บุญบรรเจิดศรีได้ขายหุ้นบริษัทฯ จำนวน 1,500,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 10.00 บาท คิดเป็นร้อยละ 8.33 ของทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้ว ให้กับคุณโคบี้ บุญบรรเจิดศรี ซึ่งเป็นบุตรชาย ทำให้คุณสุชาติ บุญบรรเจิดศรีถือหุ้นในบริษัทฯ เหลือร้อยละ 7.82 ของทุนจดทะเบียนที่ออกและเรียกชำระแล้ว (ไม่รวมหุ้นที่ถือผ่าน KCCH)
ซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ประเภทลูกหนี้สินเชื่อธุรกิจ : ในเดือนพฤษภาคม 2560 บริษัทฯ ซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ จากธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นลูกหนี้สินเชื่อธุรกิจมูลค่ารวมทั้งสิ้น 0.05 ล้านบาท
ซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ประเภทลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัยครั้งแรก (Housing Loan) : ในเดือนมิถุนายน และเดือนตุลาคม 2560 บริษัทฯ ซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ จากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัย จำนวน 2 ครั้ง มูลค่ารวมทั้งสิ้น 142.51 ล้านบาท
เปลี่ยนแปลงการถือหุ้น : ในเดือนมีนาคม 2561 KCCH ขายหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัทฯ ทั้งหมดร้อยละ 76.92 ของทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วให้กับคุณสุชาติ บุญบรรเจิดศรี และคุณทวี กุลเลิศประเสริฐในสัดส่วนร้อยละ 70.00 และร้อยละ 30.00 ของสัดส่วนการถือหุ้นที่ KCCH ถืออยู่ในบริษัทฯ ตามลำดับ ในราคาหุ้นละ 10.00 บาท ทำให้คุณสุชาติ บุญบรรเจิดศรีถือหุ้นในบริษัทฯ เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 61.67 และคุณทวี กุลเลิศประเสริฐร้อยละ 30.00 ของทุนที่ออกและเรียกชำระ
การเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ เป็น 230.00 ล้านบาท : วันที่ 19 ตุลาคม 2561 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทครั้งที่ 1/2561 มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนอีกจำนวน 50.00 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 180.00 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 230.00 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 5,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10.00 บาท เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน ในราคาหุ้นละ 10.00 บาท วัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเงินทุนสำหรับซื้อทรัพย์สินด้อยคุณภาพ ทั้งนี้ บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์แล้ว เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2561
ซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ประเภทลูกหนี้สินเชื่อธุรกิจ : ในเดือนมิถุนายน 2561 บริษัทฯ ซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ จากธนาคาร ไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นลูกหนี้ประเภทสินเชื่อธุรกิจ มูลค่ารวมทั้งสิ้น 14.24 ล้านบาท
ซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ประเภทลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัย (Housing Loan) : ในเดือนกันยายน 2561 บริษัทฯ ซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ จากธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัย มูลค่ารวมทั้งสิ้น 45.43 ล้านบาท
ซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ประเภทลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัย: ในเดือนตุลาคม 2561 บริษัทฯ ซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ จากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัยมูลค่ารวมทั้งสิ้น 93.86 ล้านบาท
ออกหุ้นกู้ : บริษัทฯ ออกหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน และไม่มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ เพื่อเสนอขายให้กับบุคคลในวงแคบไม่เกิน 10 ราย (PP10) จำนวน 120,000 หน่วย มูลค่าที่ตราไว้หน่วยละ 1,000.00 บาท คิดเป็นมูลค่า 120.00 ล้านบาท อายุ 1 ปี (วันที่13 กันยายน 2562 – 13 กันยายน 2563) อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.00 ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ซึ่งครบกำหนดและได้ทำการไถ่ถอนหุ้นกู้เรียบร้อยแล้ว |
ซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ประเภทลูกหนี้สินเชื่อธุรกิจ : บริษัทฯ ซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ จากบริษัทบริหารสินทรัพย์ สุขุมวิท จำกัด ซึ่งเป็นลูกหนี้ประเภทสินเชื่อธุรกิจ จำนวน 3 ครั้ง ในเดือนกรกฎาคม ตุลาคม และพฤศจิกายน มูลค่ารวมทั้งสิ้น 38.63 ล้านบาท : บริษัทฯ ซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ จากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นลูกหนี้ประเภทสินเชื่อธุรกิจจำนวน 2 ครั้ง ในเดือนกันยายน และธันวาคม มูลค่าสุทธิรวมทั้งสิ้น 201.05 ล้านบาท |
จำหน่ายสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ประเภทลูกหนี้สินเชื่อรายย่อย และสินเชื่อธุรกิจ : ในเดือนพฤศจิกายน 2562 บริษัทฯ จำหน่ายสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์จำนวน 2 แห่ง ซึ่งเป็นลูกหนี้สินเชื่อรายย่อย ประเภทลูกหนี้เช่าซื้อรถยนต์ และสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ที่ไม่มีหลักประกัน และศาลพิพากษาแล้ว มูลค่ารวม 14.99 ล้านบาท |
ซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ประเภทลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัย : ในเดือนมิถุนายน 2563 บริษัทฯ ซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ จากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัย (Housing Loan) มูลค่าสุทธิรวมทั้งสิ้น 88.00 ล้านบาท
ออกหุ้นกู้ : บริษัทฯ ออกหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน และไม่มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ เพื่อเสนอขายให้กับบุคคลในวงแคบไม่เกิน 10 ราย (PP10) จำนวน 150,000 หน่วย มูลค่าที่ตราไว้หน่วยละ 1,000 บาท คิดเป็นมูลค่า 150.00 ล้านบาท อายุ 2 ปี (วันที่ 2 ตุลาคม 2563 – 2 ตุลาคม 2565) อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6.00 ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน เพื่อชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2563 และเพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในการจัดหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ
จำหน่ายสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ประเภทลูกหนี้สินเชื่อรายย่อย : ในเดือนสิงหาคม 2563 บริษัทฯ จำหน่ายสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกหนี้ประเภทสินเชื่อรายย่อยที่ศาลพิพากษาแล้วที่บริษัทฯ มีทั้งหมด มูลค่ารวม 13.85 ล้านบาท จึงทำให้บริษัทฯ ไม่มีพอร์ตในการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพประเภทลูกหนี้สินเชื่อรายย่อยแล้ว
จำหน่ายสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ประเภทลูกหนี้สินเชื่อธุรกิจ (Corporate Loan) : ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 บริษัทฯ จำหน่ายสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกหนี้ประเภทสินเชื่อธุรกิจ ที่มีหลักประกัน ที่ศาลพิพากษาแล้ว มูลค่ารวม 13.26 ล้านบาท
ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ [⚫] /2564 เมื่อวันที่ [⚫] 2564 มีมติสำคัญในเรื่องดังต่อไปนี้
อนุมัติการแปรสภาพของบริษัทฯ จากบริษัทจำกัดเป็นบริษัทมหาชนจำกัด โดยใช้ชื่อว่า “บริษัทบริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)”
อนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ของบริษัทฯ จากหุ้นละ 10.00 บาท เป็นหุ้นละ 1.00 บาท
อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จำนวน [⚫] ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม [⚫] ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ [⚫] ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน [⚫] ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท เสนอขายให้แก่ประชาชน พร้อมทั้งนำหุ้นสามัญของบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ บริษัทฯได้จดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ และทุนจดทะเบียนใหม่ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ [⚫] 2564
โปรดป้อนชื่อผู้ใช้หรือที่อยู่อีเมลของคุณ คุณจะได้รับลิงก์เพื่อสร้างรหัสผ่านใหม่ทางอีเมล